ข่าวหุ้น
นายรชต ลีลาประชากุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทย-เยอรมัน โปรดักส์ (TGPRO) เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานครึ่งปีหลัง 65 มีแนวโน้มที่ดีจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นธุรกิจ ซึ่งถือเป็นช่วงที่มีปริมาณความต้องการใช้ท่อสเตนเลสอุตสาหกรรมมากที่สุดของปี เพื่อใช้ในการบำรุงรักษาเครื่องมือของกลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมภายในประเทศ อาทิ โรงงานอุตสาหกรรมผลิตอาหาร, นม และ โรงงานผลิตน้ำตาลเพื่อรองรับการขยายปริมาณการผลิตเนื่องจากราคาน้ำตาลมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ล่วงหน้าถึงปี 66
อีกทั้ง บริษัทมุ่งเน้นกลยุทธ์การขยายตลาดต่างประเทศ เพิ่มประเภทสินค้าท่ออุตสาหกรรมสเตนเลสที่มีมาร์จิ้นสูง นอกจากท่อสเตนเลสอุตสาหกรรมมาตรฐานฟู้ดเกรดให้มีความหลากหลาย อาทิ ท่อสเตนเลสแบบไร้ตะเข็บ (Seamless Pipe) และ ท่อสเตนเลสแรงดันสูง เพื่อสอดรับกับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ ธุรกิจร้านค้าและช่องทางการจัดจำหน่าย ทูเดย์สเตนเลส ภายใต้การบริหารงานของบริษัท โฮม เดคโค่ จำกัด (บริษัทย่อย) ผู้ให้บริการจำหน่ายท่อเหล็กงานก่อสร้าง งานเฟอร์นิเจอร์ และ อะไหล่อุปกรณ์ที่ใช้ในงานสเตนเลส ปัจจุบันเปิดให้บริการทั้งสิ้น 4 สาขา ได้แก่ สาขาบ้านฉาง และ สาขาเชิงเนิน จังหวัด ระยอง, สาขาพัทยา จังหวัดชลบุรี และ สาขาจังหวัดขอนแก่น ซึ่งบริษัทมีแผนขยายธุรกิจในจังหวัดต่างๆอีกจำนวน 4 แห่ง รวมสาขาการให้บริการครอบคลุมหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศทั้งหมด 8 สาขา
นอกจากนี้บริษัท เวิลด์ คลาส สมาร์ท ฟาร์ม จำกัด (บริษัทในเครือ) ผู้ให้บริการโรงเรือนเพาะชำสเตนเลสพร้อมติดตั้งระบบและผลิตภัณฑ์เกษตรอัจฉริยะ จำหน่ายเมล็ดพันธุ์ผลไม้และผัก ภายใต้ตราสินค้า “ฟูจิ เมจิ” ได้ดำเนินการเพาะปลูกกัญชงหลังดำเนินการขออนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขเป็นที่เรียบร้อย จำนวน 53 โรงเรือน โดยนำผลผลิตส่งโรงงานอุตสาหกรรมสกัดน้ำมันเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมยา คาดว่าจะเริ่มมีรายได้จากกลุ่มธุรกิจดังกล่าวในช่วงไตรมาส 4/65
“ช่วงครึ่งปีแรก บริษัทสามารถสร้างการเติบโตได้ดี จากการผลิตและจำหน่ายสินค้าท่อสเตนเลส ประเภทต่างๆ โดยเฉพาะท่อสเตนเลสอุตสาหกรรมอาหารและยา, ท่อน้ำแข็งปลอดเชื้อ, ท่อสเตนเลสส่งผ่านความร้อน และ ท่อสเตนเลส Extuba เกลียวนอก (Extuba Turbo Tube) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญและเป็นสินค้ามาร์จิ้นสูง อีกทั้ง ยังเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นอกจากนี้ ปัจจัยด้านราคาวัสดุที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาสินค้าปรับตัวตามอีกด้วย อย่างไรก็ตาม บริษัทเตรียมแผนการดำเนินงานรอบรับเพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางการตลาดที่อาจมีความเปลี่ยนแปลง โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถสร้างการเติบโตของยอดขายให้เป็นตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 2,000 ล้านบาท” นายรชต กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทติดตามปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม ได้แก่ ราคาต้นทุนวัสดุและการขนส่ง, สถานการณ์เงินบาทอ่อนค่า และ อัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ควบคู่กับการวางแผนกลยุทธ์ เพื่อให้การดำเนินธุรกิจสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจมีการผันผวนในอนาคต
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.ค. 65)
Tags: TGPRO, รชต ลีลาประชากุล, หุ้นไทย, ไทย-เยอรมัน โปรดักส์