ไมค์ ระยอง-นนท์ ณัฐชนนท์ ขึ้นศาล ยื่นฟ้องตำรวจ ใช้กำลังขัดขวาง ชูป้ายจี้ ประยุทธ์ รับผิดชอบ ปมโควิด เรียกค่าเสียหาย คนละ 5 แสนบาท
เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
วันที่ 4 ก.พ.64 ที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ไมค์ ภานุพงษ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ระยอง และ นนท์ ณัฐชนนท์ พยัฆพันธ์ แกนนำเครือข่ายเยาวชนภาคตะวันออก จ.ระยอง ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นคดีหมายเลขดำที่ พ293/2564 จากกรณีถูกเจ้าหน้าที่ใช้กำลังจับกุมที่จังหวัดระยอง เหตุชูป้ายถามนายกต่อมาตรการโควิด 19 ที่หละหลวม โดย ศาลนัดสืบพยานโจทก์ วันที่ 14 มิถุนายน 2564 เวลา 09.00 น. ณ ศาลแพ่งกรุงเทพใต้
- หนุ่มชูป้ายรับนายก เปิดใจหลังโดน 3 ข้อหา ลั่นไม่ไปตามหมายเรียก ร้องกมธ.
- นาที ไมค์ ระยอง บุกเดี่ยวชูป้ายทวงถามโครงการถมทะเล โดนรวบทันที
- สะพัด! จ่อบุกจับ “ไมค์ ระยอง” คาโรงพยาบาล คดีชูป้ายไล่ประยุทธ์
กรณีนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2563 เวลาประมาณ 15.45 น. ไมค์ ภานุพงศ์ และ นนท์ ณัชนนท์ เดินทางมาบริเวณฝั่งตรงข้ามโรงแรมดีวารี ดีว่า เซ็นทรัลระยอง จังหวัดระยอง และได้ยืนถือป้ายข้อความเชิงสัญลักษณ์ เพื่อเรียกร้องถามหาความรับผิดชอบของรัฐบาลซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารและผู้อำนวยการ ศบค. ต่อกรณีที่มีการอนุญาตให้กลุ่มคนยกเว้นพิเศษเข้ามาในประเทศ และปล่อยปละละเลยให้นายทหารสัญชาติอียิปต์ออกจากพื้นที่กักตัวโดยไม่เป็นไปตามมาตรการที่รัฐบาลกำหนด
ต่อมามีเจ้าพนักงานตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบจำนวนหลายนาย ร่วมกันใช้กำลังเข้าขัดขวางการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ และควบคุมตัวทั้งสองไปจากบริเวณที่มีการทำกิจกรรม โดยไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาประการใด และได้มีการใช้อำนาจข่มขืนใจ และหน่วงเหนี่ยวกักขังทั้งสองคน ซึ่งเป็นการทำให้ทั้งสองเสียอิสรภาพในร่างกาย อันเป็นการบังคับให้โจทก์ทั้งสองงดเว้นการใช้สิทธิ เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญและกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
ไมค์ ภานุพงศ์ และนนท์ ณัชนนท์ จึงขอยื่นฟ้องต่อศาล โดยเรียกค่าเสียหายจากการปฏิบัติหน้าที่มิชอบของเจ้าพนักงานตำรวจ อันเป็นการละเมิดต่อทั้งสองคน ตามพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 จากความเสียหายแก่เสรีภาพในการชุมนุม, ความเสียหายแก่สิทธิในร่างกาย เสรีภาพในการเดินทาง และความเสียจากการใช้กำลังขืนใจ กักขังหน่วงเหนี่ยว ทำให้เกิดความกลัว รวมเป็นจำนวนเงินคนละ 500,000 บาท