วันเสาร์ ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564, 16.06 น.
เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 13 ก.พ.64 ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน ซึ่งม็อบราษฏร ได้นัดระดมพลจัดกิจกรรมทางการเมือง “นับ 1 ถึงล้าน คืนอำนาจให้ประชาชน” บรรยากาศเริ่มคึกคักเนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมทยอยมารวมตัว และแสดงสัญลักษณ์ ตีหม้อและเคาะกระทะ รวมทั้งเขียนข้อความบนผ้าแดงผืนใหญ่
ต่อมานายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง แกนนำม็อบคณะราษฏร เดินทางมาถึงสถานที่ชุมนุม พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า เหตุผลวันนี้เรามารักษาโบราณสถานคืออนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ที่ถูกทางกทม.ปรับปรุงภูมิทัศน์ บดบังความเป็นประวัติศาสตร์ของประชาธิปไตยจนเรารู้สึกว่าต้นไม้ที่ท่านนำมาวางไม่ได้สวยงาม เราจึงรวมตัวกันรักษาโบราณสถาณและนำสิ่งแปลกปลอมออกไปให้หมด
นอกจากนี้เราจะมีการเขียนผ้าแดงความประมาณ 30 เมตรเพื่อเขียนแสดงพลังเรื่อง ม. 112 ว่าเราไม่เห็นด้วยกับมาตรานี้ที่ไม่เป็นไปตามหลักสากล ส่วนกรณีเพื่อนที่ถูกดำเนินคดีอยู่ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการ ทั้งนี้ก็ต้องยอมรับกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยเป็นเช่นนี้ เรามองว่าระบบเหล่านี้หากเราต่อสู้ชนะก็ควรจะปรับเปลี่ยนปรับปรุงให้ดีกว่าเดิม 4 แกนนำยังเป็นผู้ต้องหาแสดงว่ายังบริสุทธิ์อยู่เพราะยังไม่ถูกพิพากษา
“การที่คุมขัง 4 แกนนำเป็นการกันแกล้งทางการเมือง เพราะพวกเรามีเจตนาต้องการยกเลิกม. 112 ฉะนั้นเห็นแล้วว่ารัฐบาลกลัว 4 แกนนำที่ออกมาพูดความจริงจึงมีการปิดปากด้วยม.112 และม. 116 ตอนนี้เรามีแผนการทำพ.ร.บ.ปฏิรูปสถาบันเพื่อผลักดันเข้าสู่กระบวนการรัฐสภา ต้องรอติดตามชมต่อไป ในส่วนของพรรคก้าวไกลที่เสนอแก้ไข ม.112 นั้น เราเห็นว่า ถ้าไม่สามารถแก้ไขได้ก็ยกเลิกไป” นายภาณุพงศ์ กล่าว
เมื่อถามว่าการชุมนุมมักเกิดเหตุคล้ายเสียงปะทัด นายภาณุพงศ์ กล่าวว่า เราคิดว่าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่หลายๆ คนไม่ได้อยากให้เกิดขึ้น รวมถึงเรื่องของประทัดหรือเสียงดังอะไรต่างๆที่ก่อให้เกิดความรุนแรง เรามองว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้ อยากจะเตือนสติไม่ว่าฝ่ายใดไม่ควรทำแบบนี้ในที่ที่มีผู้คนอยู่มากจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นในม็อบหรือที่ใดก็ตามเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ไหนว่าม็อบไม่มีแกนนำ! ‘ไมค์ ระยอง’โพสต์แบบนี้’โป๊ะแตก’แหกตากันทั้งประเทศ)