องคมนตรีติดตามการปฏิบัติการฝนหลวงพื้นที่ภาคตะวันออก ตั้งฐานปฎิบัติการสนามบินท่าใหม่ จ.จันทบุรี แก้ปัญหาภัยแล้ง
พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรีและประธานกรรมการที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิฝนหลวง กล่าวในการ ติดตามการปฏิบัติการฝนหลวงพื้นที่ภาคตะวันออก ที่หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง สนามบินท่าใหม่ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ว่า กรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้มีการเปิดปฏิบัติการฝนหลวง ประจำปี 2564 และตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจำนวน 8 หน่วย 5 ภูมิภาค ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2564
เพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่ประสบปัญหาภัยแล้ง บรรเทาปัญหาหมอกควันไฟป่า ฝุ่นละอองในอากาศ การเติมน้ำในเขื่อน และช่วยบรรเทายับยั้งพายุลูกเห็บ ซึ่งในพื้นที่ภาคตะวันออกมีการตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.จันทบุรี ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2564 เป็นต้นไป โดยมีเครื่องบินกรมฝนหลวงและการบินเกษตรชนิด CARAVAN จำนวน 3 ลำ เพื่อปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่ประสบภัยแล้ง สร้างความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่ป่าไม้ การเติมน้ำต้นทุนให้อ่างเก็บน้ำ บรรเทาปัญหาหมอกควันไฟป่าและสถานการณ์ฝุ่นละอองในอากาศของพื้นที่ภาคตะวันออก
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 – 28 ก.พ. 2564 ที่ผ่านมา ได้มีการตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงที่ จ.ระยอง เพื่อปฏิบัติการฝนหลวงตามภารกิจดังกล่าว และได้ปรับเป็นฐานเติมสารฝนหลวงจังหวัดระยอง ที่สนามบินอู่ตะเภา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง โดยผลการปฏิบัติการฝนหลวงตั้งแต่วันที่ 1-23 ก.พ. 2564 กรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้มีการปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 6 วัน 37 เที่ยวบิน มีฝนตกรวม 10 จังหวัด มีพื้นที่การเกษตรได้รับประโยชน์จำนวน 9.625 ล้านไร่ มีฝนตกในพื้นที่ลุ่มรับน้ำ รวม 6 แห่ง สามารถเติมน้ำต้นทุนให้เขื่อนและอ่างเก็บน้ำได้ 8.020 ล้านลูกบาศก์เมตร
ด้านความก้าวหน้าการปรับปรุงสนามบินท่าใหม่ ที่มีแผนการปรับปรุงและพัฒนาเป็นรันเวย์ราดแอสฟัลติกส์คอนกรีต ปัจจุบันได้ดำเนินการในระยะที่ 1 ตั้งแต่เดือนก.ค. – พ.ย. 2563 เสร็จเรียบร้อยแล้วตามแผนการดำเนินงาน ประกอบด้วย การปรับพื้นผิวถางวัชพืชเพื่อปรับระดับพื้นที่ก่อสร้าง ดำเนินการลงหินคลุกบดอัดแน่น การปูยางทางวิ่ง A/C Hot Mixed ความหนา 10 เซนติเมตร พร้อมชั้นฐาน และการขุดคูระบายน้ำหรือคูดิน สำหรับในระยะที่ 2 จะดำเนินการทาสีตีเส้นจราจรสนามบินและงานระบบไฟฟ้าสนามบิน
โดยสนามบินท่าใหม่จะเป็นฐานบินปฏิบัติการฝนหลวงตั้งแต่เดือนมี.ค. – พ.ค. เนื่องจากสนามบินอยู่ทางด้านต้นลม ในฤดูแล้งของช่วงเวลาดังกล่าวจึงสามารถบินปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยแล้งและขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรของภาคตะวันออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และครอบคลุมพื้นที่ปลูกไม้ผลของจังหวัดจันทบุรี ระยอง ตราด และสระแก้วตอนล่างได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ การดำเนินงานดังกล่าวเพื่อให้สนามบินเป็นไปตามมาตรฐานสากลที่จะส่งผลให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น รองรับเครื่องบินขนาดเล็ก (CARAVAN) และเครื่องบินขนาดกลาง (CASA) โดยสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้อย่างคุ้มค่าทั้งด้านการปฏิบัติการฝนหลวง และการสนับสนุนภารกิจทางการทหารและความมั่นคงได้เป็นอย่างดี อันจะเป็นการดำเนินงานตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงสืบสาน รักษา ต่อยอด โครงการพระราชดำริฝนหลวง โดยทรงห่วงใยราษฎรและให้คิดถึงการแก้ปัญหาภัยแล้งด้วยเป็นหลัก