สาวกัมพูชาเปิดใจสุดช้ำ ถูกสามีคนไทยหลอกเอาเงิน ฮุบบ้าน ซ้ำร้ายพาตำรวจจับกลับประเทศ
กรณี สาวชาวกัมพูชาเข้ามาทำงานที่ประเทศไทยตั้งแต่ 7 ขวบ วันหนึ่งพบรักผู้ชายไทย และได้จดทะเบียนสมรส ปลูกบ้านด้วยกัน ต่อมามีผู้หญิงอ้างตัวว่าเป็นแฟนใหม่สามีเข้ามาอยู่แทน ทำให้ต้องออกจากบ้าน ส่วนสามีเข้ามาก่อกวนและใช้กำลัง วันนี้ต้องการความช่วยเหลือ
รายการ เป็นเรื่องใหญ่ ออนแอร์ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.05 น. ทางช่อง JKN 18 ดำเนินรายการโดย “เพชร กรุณพล เทียนสุวรรณ” ได้สัมภาษณ์ “เจน” สาวชาวกัมพูชา มาพร้อม “ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร”
มาอยู่เมืองไทยตั้งแต่กี่ขวบครับ?
เจน : 7 ขวบค่ะ
ตอนนั้นเข้ามายังไง?
เจน : “มากับป้ากับลุงค่ะ มาช่วยเลี้ยงน้อง พอหลังๆ มาก็เดินเก็บขวดกับป้าไปด้วย เดินเก็บขวดเก็บขยะค่ะ”
ตอนนั้นเข้ามาที่ กทม. หรือต่างจังหวัด?
เจน : “ตอนนั้นเข้ามาอยู่ที่ระยองค่ะ ตอนนั้นถามว่าถูกกฎหมายมั้ยหนูไม่รู้ค่ะ เพราะว่ายังเด็กมากเลย”
พอโตขึ้นมาเราได้เรียน ได้ทำงานหรือได้ทำอะไรเพิ่มเติมมั้ย?
เจน : “หนูไม่เคยได้เรียนค่ะ ตั้งแต่เด็กๆ หนูไม่เคยได้เรียน ต่อมาก็เริ่มทำงานก่อสร้างค่ะ แล้วก็ทำงานเด็กเสิร์ฟ”
แล้วตอนนี้ถูกกฎหมายแล้วยัง?
เจน : “ถูกแล้วค่ะมีใบอนุญาตทำงานเรียบร้อย”
มีประเด็นกับผู้ชายไทย เราไปเจอกับเขาได้ยังไง?
เจน : “เจอที่ร้านอาหาร หนูเป็นเด็กนั่งดริ้งค์ค่ะ ตอนแรกเจอกันที่ร้านข้าวต้ม แต่พอหลังๆ มาหนูต้องเปลี่ยนงาน เพราะแม่หนูเสีย ร้านข้าวต้มมันได้ค่าแรงน้อยค่ะ”
เขาเป็นใครอะไรยังไง?
เจน : “เขาเป็นลูกค้าที่มานั่งกินที่ร้านเหมือนปกติทั่วไป แต่เราถูกใจกันค่ะ”
คุยกันนานมั้ยก่อนจะตัดสินใจเป็นแฟนกัน?
เจน : “นานค่ะ เป็นเดือนอยู่ค่ะ”
เขาไม่รังเกียจเราเหรอที่เราเป็นคนอีกสัญชาติ?
เจน : “เขาไม่เคยพูดค่ะว่าเขารังเกียจ แต่มีเพื่อนเขาบอกค่ะว่าเขาพูด แต่หนูไม่เคยได้ยินจากเขา”
ตกลงตัดสินใจคบกันแล้วเขามาอยู่กับเราหรือเราไปอยู่กับเขา?
เจน : “ตอนแรกๆ ก็ไปๆ มาๆ ค่ะ จนคบกันนานเรื่อยๆ เลยไปอยู่ที่บ้านเขา ที่บ้านเขาทำอาชีพโรงงานไม้”
แล้วที่บ้านเขาโอเคกับเรามั้ยกับการที่เราเข้าไปอยู่ในบ้าน?
เจน : “ตอนแรกที่หนูเข้าไปเป็นเวลาปีนึง เวลาหนูยกมือไหว้เขาเขาไม่เคยรับไหว้ ไม่เคยมองหน้าค่ะ พอหนูไปทำงานแล้วก็เข้าบ้านนอนอยู่กับสามี”
ตอนนั้นเรียกว่าแฟนหรือเรียกว่าสามี?
เจน : “เรียกว่าสามีนะคะเพราะว่าคนทั่วไปรู้หมดแล้วว่าเราเป็นอะไรกัน แต่ยังไม่ได้แต่งงาน”
ผู้ชายเฝ้าโรงไม้แล้วเราเป็นแม่บ้านหรือทำอะไร?
เจน : “หนูยังทำงานอาชีพเดิมอยู่นะคะ แต่หลังๆ ก็ออกค่ะ เพราะว่าหนูเห็นช่องทางว่าหนูอยากมีชีวิตที่ดีกว่านี้”
เป็นภรรยาเจ้าของโรงไม้เลยนะ เขาไม่ได้ให้เงินเราเหรอ?
เจน : “ให้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน แต่เป็นก้อนไม่เคยมี และหนูก็ไม่เคยขอ”
พออยู่ไปอยากมีรายได้ด้วยตัวเองทำอะไร?
เจน : “ขายออนไลน์ค่ะ หนูเคยขอทุนเขาครั้งนึง 1.5 หมื่น มาทำอาชีพออนไลน์ เขาไม่เห็นด้วยกับหนู หนูเคยมีทองที่เก็บไว้ตอนทำงานหนูเลยเอาไปขายค่ะ”
ขายได้มั้ย ในเมื่อเราเป็นคนที่ไม่ได้มีชื่อเสียง แถมอยู่ต่างจังหวัด และไม่ได้เป็นบุคคลที่เป็นคนไทยด้วย?
เจน : “หนูเป็นคนที่ทะเยอทะยานค่ะ หนูไม่อยากอยู่ที่เดิม ถ้าอะไรที่หนูทำได้แล้วไม่ผิดกฎหมายหนูจะทำเต็มที่ วันแรกที่หนูไลฟ์สดคือขายกระเป๋าที่หนูเคยซื้อมา พอเริ่มขายได้หนูก็ไปซื้อเครื่องสำอางมาขายพอขายได้ไม่เท่าไหร่คนดูเยอะค่ะ เป็นหมื่น”
จากช่วงแรกไม่มีคนรู้จักแล้วมีคนดูเป็นหมื่นเกิดจากอะไร?
เจน : “มันน่าจะเกิดจากความมั่นใจของหนูค่ะ ความพูดมาก เล่นไปบ้างเต้นไปบ้างตลกบ้าง ถามว่ามีคนด่ามั้ยมี แต่หนูคิดว่าไม่ได้ทำร้ายใครนะ”
รณณรงค์ : “ตลกยังไงครับทำให้ดูหน่อย
เจน : “ก็แต่งหน้าการ์ตูนบ้างอะไรบ้าง จนครอบครัวเขาไม่เห็นด้วยค่ะ”
พอเขาเห็นว่าเราขายดีเขาโอเคขึ้นมั้ย?
เจน : “เขาก็โอเคขึ้นค่ะ”
ขายดีนี่ดียังไง?
เจน : “ดีแบบว่าเปิดหน้าร้านไม่สามารถทำได้ ธุรกิจออนไลน์แป๊บเดียวก็รวยได้ บางวันก็ถึงแสนค่ะช่วงนั้น”
ตอนนั้นอายุเท่าไหร่ คบกับเขามากี่ปีแล้วจนวันที่เรามีเงินแสน?
เจน : “ตอนนั้น 20 กว่าค่ะ เริ่มทำตั้งแต่คบกันแรกๆ อยู่กันเกือบปีก็เริ่มทำเลย”
ทำได้นานมั้ย แล้วเอาเงินไปทำอะไร?
เจน : “ทำจนทุกวันนี้ค่ะ ตอนนั้นได้เงินแล้วเอาเงินส่วนนั้นทำธุรกิจกับเขา ตอนนั้นเปิดร้านขายเสื้อผ้าบ้าง เปิดร้าน 20 บาท ขายของชำบ้าง บางอันก็ไปรอดบางอันก็ไปไม่รอด หนูทำงานหนักมากตอนมีลูกคนแรกก็ลูกตกกลางไลฟ์สดเลยแท้ง ด้วยความที่ว่าทำงานหนักทั้งกลางวันกลางคืน”
พอเริ่มเก็บเงินได้แล้วเริ่มปลูกบ้าน ปลูกที่ไหนอะไรยังไง?
เจน : “ปลูกบ้านที่ระยองค่ะ แต่เป็นชื่อพ่อเขา เพราะว่าที่ดินของเขา ตอนแรกเราบอกว่าเราอยากซื้อที่ดินทำบ้านต่างหากแต่เขาบอกว่าให้ทำที่เขา เพราะเขาจะยกให้ลูกเขา ชื่อผู้ครอบครองเป็นใครหนูไม่เคยรู้เลย แต่ไม่ใช่ชื่อของหนู”
พอย้ายเข้าไปเป็นยังไงตั้งแต่ทำบ้านเสร็จ ?
เจน : “เขาเริ่มเปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ทำบ้านเสร็จ เขาไม่เคยอยู่บ้านค่ะ เวลาไปทำงานหนูก็อยากไปกับสามีบ้างเขาไม่เคยให้ไป หลังๆ ไม่เคยเข้าบ้าน”
แล้วทำไมไม่คุยกันว่าฉันปลูกบ้านแล้วนะก็มาอยู่ด้วยกันสิ?
เจน : “หนูพูดได้มั้ย มันเกี่ยวกับข้อกฎหมายพี่มันพูดไม่ได้มันเรื่องไม้เรื่องอะไร”
เห็นบอกว่าเขาก็พาผู้หญิงคนอื่นเข้ามาอยู่ในบ้าน ?
เจน : “ตอนแรกเขาก็มีแบบเรื่อยๆ เพราะว่าลูกน้องเขาบอกหนู”
รณณรงค์ : “รู้เมื่อไหร่ว่าเขามีคนอื่นไปทั่ว”
เจน : “ความจริงเพิ่งย้ายไปอยู่เองค่ะ ก็ตั้งแต่ย้ายไปอยู่เขาก็เริ่มเปลี่ยนไปค่ะ”
ตอนนั้นเราจดทะเบียนสมรสแล้วยัง?
เจน : “จดแล้วค่ะ”
แบบนี้ถ้าเลิกกันฟ้องร้องได้มั้ย?
รณณรงค์ : “เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนเจอกันเยอะเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศเลยนะ เวลาคนถามว่าสินสมรสบางทีไปทำบ้านเมียบ้าง บางทีไปทำบ้านสามีบ้าง สุดท้ายพอเลิกกันขอแบ่ง ในแนวทางของศาลฎีกา ถ้าเราเอาเงินในสินสมรสไปสร้างบ้านในที่คนอื่นแล้วไม่ใช่ที่ของสามีด้วย เราไม่มีสิทธิในบ้านหลังนั้นเลย”
สมมติว่าของในบ้านเราเป็นคนซื้อ มีบิลใบเสร็จสามารถยกออกมาได้มั้ย?
รณณรงค์ : “ถ้ายกมาอาจเป็นความผิดฐานบุกรุกได้นะครับ คือที่เป็นของเขา อสังหาริมทรัพย์ ตัวที่ดินเป็นใหญ่บ้านเป็นรอง ตัวที่ดินเป็นของใครบ้านเป็นของคนนั้น ที่ดินของพ่อเขา เราไปสร้างเอง เราไม่ได้มีสัญญาด้วยใช่มั้ยว่าสร้างเสร็จจะเป็นของเรา เราไปทำในที่เขา สร้างเสร็จบ้านก็ต้องเป็นของเจ้าของที่ดิน”
แล้วที่ไม่เป็นอสังหาริมทรัพย์พวกทีวี?
รณณรงค์ : “ก็ต้องไปคุยกัน ลักทรัพย์ไม่โดนเพราะว่ามันเป็นทรัพย์สินของเรา แต่การที่เข้าไปในตัวบ้านถ้าเราออกมาแล้วอาจโดนความผิดฐานบุกรุกได้ถ้าเราออกมาแล้ว”
วันนี้เรายังอยู่บ้านนั้นมั้ย?
เจน : “ไม่ค่ะ ก็ตั้งแต่เขามีใหม่ต่างๆ นานา ก็ทะเลาะกันบ่อยค่ะ ช่วงหลังก็ไปเห็นภาพที่รับไม่ได้แล้ว พากันไปเปิดร้านลงทุนโน่นนี่”
มีลูกด้วยกันมั้ย?
เจน : “มีลูกค่ะคนเดียว เดือนนี้ 2 ขวบผู้ชาย”
ย้ายออกมาแล้วตอนนี้เรามาอยู่ที่ไหนยังไง?
เจน : “ย้ายออกมาหนูก็มาอยู่บ้านเช่า”
รณณรงค์ : “ตอนย้ายออกมาออกมาสภาพไหน เอาอะไรออกมาบ้าง”
เจน : “เอาของที่เราใช้ แล้วก็เงินที่เรามี ทอง 10 บาทหายเกลี้ยง ถามเขา เขาก็ว่าโทษว่าเขาเอาเหรอ ยังไม่ให้แจ้งความ ตอนหนูออกมามีแต่หนี้ค่ะ หนี้เกิดจากที่ตอนที่หนูไม่รู้ว่าเขามีใหม่ก็อยากเปิดร้านเครื่องสำอาง ค่าทำหมดไป 6 แสน พอออกมาก็มีแต่หนี้ที่เราต้องจ่ายให้เขาด้วยซ้ำ ถามว่าร้านได้เปิดมั้ย ก็ไม่เพราะว่าหนี้มันลงคอแล้ว ถามว่าลายเซ็นต์เขาหนูจะไม่คืนก็ได้แต่หนูมีความเป็นคนพอไง จนทุกวันนี้ก็หาเงินได้ 6 แสนคืนเขา”
ตามข้อกฎหมายผู้ชายไปเซ็นในการทำร้านถ้าตามกฎหมายน้องต้องรับใช้มั้ย?
รณณรงค์ : “เราเป็นคู่สมรส ผัวไปกู้มาแล้วเราก็ต้องจ่าย ถ้าคดีถึงขั้นศาลก็โดนคู่ครับโดนฟ้องร่วมกันเลยครับ เพราะว่าวันที่ไปเมียก็ไปถึงแม้ผัวจะเป็นผู้ลงนามแต่เมียก็รับรู้”
ถ้าแบบนี้หมายจะส่งไปที่ใครครับ?
รณณรงค์ : “ต้องตามภูมิลำเนาตามทะเบียนราษฎร์ เช่น ทะเบียนอยู่ระยองก็ต้องไประยอง ตอนนี้ต้องเข้าใจสถานะตัวเองก่อน ตัวเองยังเป็นผัวเมียกันตามกฎหมายอยู่นะ ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะไปก่อหนี้เท่าไหร่ก็ตามอีกฝ่ายต้องรับผิดชอบเหมือนกันนะ”
พอใช้หนี้หมดใช้ชีวิตยังไงต่อ?
เจน : “พอใช้หนี้หมดก็พยายามทำงานเก็บเงินค่ะ จนมีเงินไปทำบ้านหลังที่ 2 คราวนี้เป็นที่ของตัวเองซื้อเงินสดตัวเอง 4 แสนกว่า 68 ตารางวา แล้วปลูกบ้านไปอีกเกือบ 2 ล้านค่ะ เพราะว่าโดนหลอกด้วย”
พอซื้อเสร็จแล้วด้วยความที่เป็นคนต่างด้าวแล้วใส่ชื่อใครในโฉนด?
เจน : “เราอยากให้เป็นของลูก ถามว่าเหมือนคนโง่มั้ยเราซื้อใส่ชื่อสามีเพราะเรายังไม่ได้หย่ากัน”
รณณรงค์ : “อย่างแรกถ้าเราซื้อของโดยยังมีทะเบียนสมรสอยู่ครึ่งนึงจะเป็นของสามี ถ้าคุณไม่หย่ากันการได้ทรัพย์สินมาจะถือว่าเป็นสินสมรสทั้งหมดเลย”
ถ้าน้องเขามาอย่างถูกต้องมีใบอนุญาตทำงานอย่างถูกกฎหมาย สามารถซื้อที่ดินในไทยได้มั้ย?
รณณรงค์ : “คนต่างด้าวเขาห้ามครอบครองที่ดิน แต่ลูกชายสัญชาติไทยเลยแก้ปัญหาว่าเอาลูกชายมารับที่ดินแทนได้”
แล้วชีวิตดีขึ้นมั้ย เขายังมาวุ่นวายอะไรมั้ย?
เจน : “ก็ยังขอเงินเหมือนเดิมค่ะ ครั้งนึง 4 พัน 5 พัน”
เจ้าของโรงไม้อะไรมาขอเงิน ได้ถามเขามั้ยว่าเอาเงินไปทำอะไร?
เจน : “ไม่ได้ถามเขาค่ะ เพราะเขาจะขึ้นเสียงตลอดเวลาโทรมา”
ที่ยังให้เขาอยู่ยังรักเขาหรือกลัวเขา ?
เจน : “ไม่ค่ะ ในทางกฎหมายเขาบอกเราไม่มีสิทธิในตัวลูกไง มันไม่มีความรักแล้วพี่ หนึ่งต่างด้าว แล้วเรากลัวเขาจะมาทำอะไรเรากับลูกไงพี่ หลักๆ คือเขาเป็นพ่อของลูก”
แต่เราเป็นแม่นะ เขาควรมาดูแลเราไม่ใช่เหรอ?
เจน : “หนูคิดว่าอย่างน้อยก็เคยลำบากด้วยกัน”
ต้องเปลี่ยนความคิดก่อน เราลำบากคนเดียว เขาเป็นเจ้าของโรงไม้ ทุกวันนี้ยังให้เขาอยู่มั้ย?
เจน : “ทุกวันนี้ไม่ให้ก็เลยมีปัญหาตลอด มีเรื่องเวลาขายของก็เข้ามาก่อกวน หนูขายของช่วงโควิดกว่าจะมีลูกค้า แต่เขาทักไปหาลูกค้าหนูทุกคนไม่ให้โอนตังค์ มีหลักฐานทุกอย่าง เขาทักว่าอย่าไปซื้อของมันนะ ไอ้เขมร ไอ้ต่างด้าว มันขายตัวนะมึงจะซื้อของมันเหรอ แล้วก็ของไม่มี อย. ผิดกฎหมายอะไรอย่างนี้”
แล้วของเรามี อย. มั้ย?
เจน : “มีค่ะ”
แล้วอย่างนี้ทำไมเราไม่แจ้งความดำเนินคดีเขา?
เจน : “หนูก็ไม่ได้แจ้งค่ะ หนูไม่รู้จะแจ้งยังไง เราต่างด้าวไงพี่ก็ต้องยอม”
รณณรงค์ : “เราเข้าเมืองถูกกฎหมาย เรามีตัวตน เรามีพาสปอร์ต เราสามารถแจ้งความเรื่องหมิ่นประมาทได้ พิมพ์ไปหาลูกค้าเราเราเสียหาย แต่เราต้องแจ้งความภายใน 3 เดือนนะ”
เห็นว่าเขาเอาตำรวจมาจับเราด้วย?
เจน : “ถามว่าเป็นเขามั้ย รอบแรกเขาบอกว่าเป็นพี่น้องเขาที่แจ้ง รอบสองเขาเป็นนายจ้างเราเพราะยังไม่ได้หย่าไง แต่เขาไปยกเลิกแล้วแจ้งว่าเราหลบหนีจากงาน หลบหนีอะไรเราก็อยู่กับลูกเขาในบ้านเขาเอง เพิ่งมายกเลิกตอนที่ไม่ให้เงิน”
รณณรงค์ : “คือตามกฎหมายแล้วนะครับ ข้อเสียของต่างด้าวเวลาจะมาทำอาชีพมันต้องมีใบอนุญาต ถ้าไม่มีคุณจะโดนจับทันที”
แล้วคุณโดนจับแล้วยัง?
เจน : “โดนค่ะ ตำรวจลงมาประมาณ 20 คน โดนแจ้งข้อหาเยอะมาก เขาบอกว่าเขาจำเป็นต้องมา เพราะผู้หญิงของเขาคนนั้นแจ้งไปทุกหน่วยงานแจ้งไปทุกพื้นที่ จนเขาต้องลงมา เพราะแจ้งว่า ใช้แรงงานเด็ก ค้ามนุษย์ ขายของไม่มี อย.”
รณณรงค์ : “พี่แนะนำเลยนะ หนูไปเปิดนิติบุคคลแล้วหนูถือหุ้น แล้วให้ผู้จัดการที่เป็นคนไทยเข้ามาบริหารให้ จะไม่มีปัญหาเรื่องการทำงานของคนต่างด้าว อันนี้เป็นการแก้ปัญหาที่ตรงที่สุด”
เห็นบอกว่าไปขึ้นศาลติดคุกด้วยเหรอ?
เจน : “ตอนแรกเขามาจับแล้วเอาไปติดคุกเลย เขาบอกว่าต่างด้าวไม่มีสิทธิประกันตัวอะไรทั้งนั้น แล้วก็ถามว่าลูกหนูอยู่ไหน เขาบอกว่าให้ฝากคนข้างบ้านไปเลย”
แล้วทุกวันนี้เราได้หย่ากับสามีแล้วยัง?
เจน : “พอได้ประกันตัว ตอนแรกเขาไม่ให้ประกันตัวด้วยความที่มีโลกโซเชียล ก็จะมีพี่ๆ คนไทยหลายคนมากที่เข้ามาช่วย อันนี้หนูก็ขอขอบคุณด้วย ตอนแรกเขาจะเอาแสนนึง 2 คนพี่น้องเพื่อจะประกันตัว หนูก็ไม่มีตังค์เพราะหนูทำบ้านหมดแล้ว และทรัพย์สินก็ยกให้ลูกหมดแล้ว ก็มีพี่ๆ คนไทยที่เข้ามาช่วยคนละหมื่น พอได้ประกันตัวก็ไปหย่าให้เขา เขาต้องการหย่าอยู่แล้ว”
แล้วบ้านเป็นชื่อเขาไม่ใช่เหรอ?
เจน : “ตอนนั้นคือฟ้องศาลให้เป็นของลูก ตอนนี้ตัวโฉนดหนูไปทำได้เป็นของลูก แต่ตัวบ้านเขาไม่ยอมให้”