คณะกรรมาธิการ(กมธ.)กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร จัดเวทีสัมนา หัวข้อ “สัญชาติและสถานะบุคคล แนวทางออกที่ถูกต้องชอบธรรม” ขึ้นเมื่อวันที่6 มิถุนายน 2565 ณ โรงแรมเมธาวลัย อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี โดยมี ผู้แทนกรรมาธิการกิจการศาลฯ ผู้แทนกรมการปกครอง ผู้แทนภาคประชาสังคมที่ทำงานช่วยเหลือด้านสถานะบุคคล และตัวแทนชาวบ้านจากชุมชนต่างๆ ใน จ.เพชรบุรี จ.ราชบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.ระยอง รวมทั้งชาวบ้านจากภาคเหนือ เข้าร่วมรับฟังและแลกเปลี่ยน
น.ส.ทิวรรณ วงค์ทอง ชาวบ้านจากอำเภอสวนผึ้ง จ.ราชบุรี ได้สะท้อนกรณีปัญหาของชุมชนว่า ในอดีตตนเคยถือบัตรประชาชนไทย (บัตรเลข 0) แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายสัญชาติ ทางอำเภอได้แจ้งว่าบัตรประชาชนของตนได้มาไม่ถูกต้อง จึงต้องมีการตรวจสอบ ขณะนั้นคิดว่าอำเภอจะใช้เวลาดำเนินการ 2-3 เดือน แต่ตอนนี้รอคอยมา 11 ปีแล้วยังไม่ได้บัตรประชาชน จนตนเองถอดใจกับการเรียกร้องสัญชาติไทย
น.ส.ทิวรรณ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีเด็กในอำเภอสวนผึ้งอีกจำนวนมากที่อยู่กำลังเรียนหนังสือและไม่มีบัตรประชาชน จึงอยากให้ที่คณะกรรมาธิการฯ ลงพื้นตรวจสอบเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องสัญชาติอย่างเร่งด่วนเพราะไม่ควรปล่อยให้เด็กที่กำลังศึกษานั้นตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับตนเอง ที่จะได้รับผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตในทุกด้าน
นายเสาร์ ตาคลึง ชาวบ้านชาติพันธุ์ลัวะ จากอำเภอแม่จัน จ.เชียงรายกล่าวว่า เมื่อก่อนอยู่แต่ในหมู่บ้าน นายจ้างให้ทำบัตรต่างด้าวเป็นสัญชาติพม่าเพื่อง่ายในการทำงาน ชาวบ้านอยากได้งานทำก็พากันไปทำบัตรต่างด้าวกันหลายคน จนตอนนี้ต้องไปแก้สถานะบุคคลโดยการตรวจ DNA เพื่อที่จะให้ได้สัญชาติไทยคืนมา เมื่อเข้าสู่กระบวนการต้องใช้เวลานานนับปี บางรายนับสิบปี ชาวบ้านต่อสู้เรียกร้องสิทธิสัญชาติไทยตั้งแต่พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ จนตอนนี้พ่อกับแม่เสียชีวิตไปกันหมดแล้วยังไม่สำเร็จ อยากจะถามว่าชาวบ้านต้องสู้เรื่องสัญชาติไปอีกกี่ปี หรือจะต้องสู้จนตาย
ด้าน นายมานพ คีรีภูวดล ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการ กล่าวว่า ปัญหาเรื่องสัญชาติจะต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วน โดยภาครัฐหรือฝ่ายปกครองปล่อยไว้นานเท่าไร จะสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน และจะทำให้ปัญหาด้านสิทธิสถานะมีมากขึ้นทุกวัน หลังจากที่รับฟังและรับเรื่องจากชุมชนต่างๆ ที่มาร่วมงาน จะเร่งประสานงานผู้ที่เกี่ยวข้องเรื่องสิทธิสถานะลงพื้นที่จริง เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างถูกต้องและชอบธรรม
นายสันติพงค์ มูลฟอง ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายสถานะบุคคล ได้กล่าวว่าเรื่องสถานะบุคคลเป็นหน้าที่ของทุกหน่วยงาน ทุกคน ต้องช่วยจัดการให้ถูกต้องและเป็นธรรม และฝ่ายการเมือง โดย คณะกรรมาธิการฯก็ต้องมีบทบาทที่สำคัญในการรับฟังปัญหาและหาแนวทางการแก้ไขทั้งกรณีเร่งด่วนและโครงสร้างกฏหมาย