มุมมอง “ปิยะ ปิตุเตชะ”นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง สะท้อนปัญหาบ่อนการพนันจ.ระยอง สะท้อนไปยังรัฐบาลในการปราบปรามอย่างจริงจัง
รายการ “ข่าวข้นคนข่าว”ออกอากาศทางเนชั่นทีวี22 เกาะติด ประเด็นบ่อนการพนันในจังหวัดระยอง รวมถึงเครือข่ายของ “หลงจู้สมชาย” ซึ่งก่อนหน้านี้ มีสื่อมวลชนรายงานว่า มีนักการเมืองท้องถิ่นของจังหวัดระยอง พร้อมระบุว่า นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง มีส่วนเกี่ยวข้องกับ “หลงจู้สมชาย” และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปทำการตรวจค้นบ้านพักของนายก อบจ.รายนี้ รวมถึงบ้านพักของคุณแม่และน้องสาว พร้อมกับพบอาวุธปืนในบ้านพักอีกด้วย ซึ่งการรายงานว่าตัวของ นายก อบจ.เข้าไปเกี่ยวข้องกับบ่อนนั้น ไม่เป็นความจริง
“ทีมข่าวอาชญากรรม” ลงพื้นที่จังหวัดระยอง เพื่อขอสัมภาษณ์พิเศษกับนายปิยะ ปิตุเตชะ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง ซึ่งวันนี้องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง ได้เปิดประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง สมัยแรก ปี 2564 ซึ่งนอกจากจะมีการแถลงข่าวถึงการขับเคลื่อนและแก้ไขปัญหาต่างๆในจังหวัดระยอง ทั้งปัญหาด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวในจังหวัด และประเด็นอื่นๆที่สำคัญแล้ว นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง ยังได้เปิดห้องทำงานให้ทีมข่าวได้พูดคุยถึงประเด็นที่ถูกพาดพิงถึงความเชื่อมโยงกับ “หลงจู้สมชาย” อีกด้วย
นายปิยะ เปิดเผยว่า กรณีที่มีสื่อมวลชนบางแห่งมีการนำเสนอข่าวว่า ตนเองมีความเชื่อมโยงกับ “หลงจู้สมชาย” ซึ่งขอยืนยันว่า ตระกูล ปิตุเตชะของตนเอง ไม่เคยเข้าไปข้องเกี่ยวหรือเห็นชอบกับคนที่มาเปิดบ่อนการพนัน หรือ ตู้ม้า แต่ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง ไม่มีอำนาจในการเข้าไปดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ ฉะนั้น การที่มีบ่อนการพนัน ตู้ม้า จำนวนมากในจังหวัดระยองในช่วงที่ผ่านมา เรามีหน้าที่ทำได้แค่ตักเตือนเท่านั้น เมื่อเราไม่สามารถทำอะไรได้ จึงทำให้คนทั่วไปเข้าใจว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีส่วนเข้าไปรู้เห็นกับบ่อนการพนัน
เรายืนยันว่า เรามีข้อมูลของบ่อนการพนันและได้ตักเตือนทุกอย่างแล้ว แต่เราไม่มีอำนาจตามกฎหมาย เมื่อคนทั่วไปเข้าใจว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งขอยืนยันว่า เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลย เพราะพวกเรามองว่ามันเป็นปัญหาต่อสังคมและประเทศชาติ
“ผมไม่ติดใจคนที่เข้าใจว่า ผมและครอบครัวไปเกี่ยวข้องกับเครือข่ายบ่อนการพนันในจังหวัดระยอง พร้อมยืนยันว่า ตระกูลของเราไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ และไม่สนันสนุนบ่อนการพนันเด็ดขาด นอกจากนี้ การให้อำนาจในการตรวจสอบกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากมีปัญหาใดที่สร้างผลกระทบกับชาวบ้าน สิ่งที่ชาวบ้านทำได้ก็คือ การร้องเรียนต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ยกตัวอย่าง หากมีตู้ม้าอยู่ที่หน้าโรงเรียนและเด็กนักเรียนไปเล่นพนัน เมื่อพ่อแม่รู้เรื่อง เขาก็จะโทรศัพท์มาแจ้งกับนักการเมืองท้องถิ่น และนักการเมืองท้องถิ่นก็จะไปแจ้งเบาะแสกับทางตำรวจ แต่ตำรวจไม่ยอมทำอะไร
นั่นทำให้ชาวบ้านมองว่า นักการเมืองท้องถิ่นไม่ยอมแก้ปัญหาอะไรเลย พึ่งพาไม่ได้ ไม่มีอำนาจจัดการ สุดท้ายคนที่เจ็บช้ำก็คือ นักการเมืองท้องถิ่น ตนจึงขอฝากให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง”
นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง ยังบอกอีกว่า ในฐานะที่ตัวเองเป็นนายก อบจ. รวมถึงสมาชิกทั้ง 30 เขต จะขอยืนยันข้อเรียกร้องว่า หากรัฐบาล กระทรวงมหาดไทย จะส่งใครเข้ามาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะต้องไม่เลือกเอาคนที่รับเอาบ่อนการพนันเข้ามาที่จังหวัดเด็ดขาด เพราะพวกเราจะไม่ยินยอมให้เรื่องแบบนี้เข้ามาในบ้านเราเด็ดขาด และหากไม่มีกฎหมายใดเข้ามาจัดการปัญหานี้ได้ เราจะเอาชาวบ้านมาเดินขบวน ซึ่งการเลือกวิธีนี้เป็นเพราะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่มีอำนาจเข้าไปจัดการปัญหาบ่อนการพนันที่เรื้อรังมานาน โดยสิ่งที่เราจะทำได้ก็คือ การนำเอามวลชนและชาวบ้านออกมาเคลื่อนไหว
ถ้าหากผู้ว่าราชการจังหวัด หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ยอมปราบปรามบ่อนการพนันอย่างจริงจัง เราจึงทำได้แค่การเอาคนมาเดินขบวนไม่เอาบ่อนการพนัน พวกเราคนระยองทำได้เพียงแค่นี้ และสัญญาว่า เราจะทำแบบนี้แน่นอน ซึ่งอยากจะให้เป็นโมเดลกับจังหวัดอื่นๆทั่วประเทศ จะมีการประกาศอย่างชัดเจนว่า “คนระยองไม่เอาบ่อนการพนัน”
ฉะนั้น ทางกระทรวงมหาดไทย จะเอาใครมาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะแต่งตั้งผู้การคนใดมาดูแลจังหวัดระยอง จึงต้องรู้ไว้ว่า คนระยองเขาไม่เอาบ่อนการพนัน ถ้ามาแล้วไม่รับหลักเกณฑ์ที่คนระยองต้องการ ต้องมาทะเลาะกับตนเอง เพราะตนมีชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก โดยหากใครจะมาก็ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า หากใครจะปฏิบัติหน้าที่ก็มาได้เลย แต่ต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับบ่อนการพนัน คนระยองไม่เอาบ่อนพนัน”
“การให้อำนาจในการตรวจสอบกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากมีปัญหาใดที่สร้างผลกระทบกับชาวบ้าน สิ่งที่ชาวบ้านทำได้ก็คือ การร้องเรียนต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ยกตัวอย่าง หากมีตู้ม้าอยู่ที่หน้าโรงเรียนและเด็กนักเรียนไปเล่นพนัน เมื่อพ่อแม่รู้เรื่อง เขาก็จะโทรศัพท์มาแจ้งกับนักการเมืองท้องถิ่น และนักการเมืองท้องถิ่นก็จะไปแจ้งเบาะแสกับทางตำรวจ แต่ตำรวจไม่ยอมทำอะไร นั่นทำให้ชาวบ้านมองว่า นักการเมืองท้องถิ่นไม่ยอมแก้ปัญหาอะไรเลย พึ่งพาไม่ได้ ไม่มีอำนาจจัดการ สุดท้ายคนที่เจ็บช้ำก็คือ นักการเมืองท้องถิ่น ตนจึงขอฝากให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง”
(ชบคลิปมรายการข่าวข้นคนข่าวนาทีที่ 01.40.0)