“กมธ.งบฯ 66” พิจารณางบฯ หน่วยงานสังกัดคลังจบแล้ววันนี้ แนะ เข้มปราบ “น้ำมันเถื่อน” เกลื่อนภาคใต้ ป้องลามราคาพุ่ง ด้าน “ยุทธพงศ์” ลั่น รอแฉ “เฮีย ซ.” ชักใยวิ่งเต้น ซี 9 “กรมฯ น้ำ ทส.” เงินสูงถึง 8 หลัก
เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 10 มิถุนายน ที่รัฐสภา นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 แถลงผลการประชุมกมธ.ฯ ครั้งที่4/2565
โดยนพ.บัญญัติ กล่าวว่า ในการพิจารณาเมื่อวานนี้ (9 มิถุนายน) กมธ.ได้ใช้เวลาในการพิจารณางบประมาณมาแล้วทั้งหมด 20 ชั่วโมง ซึ่งมีหน่วยงานที่ผ่านการพิจารณาไปแล้ว รวม 1 กระทรวง 10 หน่วยงาน 1 กองทุน โดยเมื่อวานนี้ได้พิจารณาหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลังเพิ่มเติมอีก 6 หน่วยงาน 1 แผนงาน ดังนี้ 1.สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ จำนวน 261,908,840,000 บาท เกี่ยวข้องกับแผนงานบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ ส่วนราชการ 1 หน่วยงาน 6 รัฐวิสาหกิจ จำนวน 26,649,404,800 บาท 2.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ จำนวน 117,160,100 บาท 3.สำนักงารความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) จำนวน 580,000,000 บาท 4.กรมศุลกากร จำนวน 3,641,154,800 บาท 5.กรมสรรพสามิต จำนวน 2,217,291,900 บาท และ 6.กรมสรรพากร จำนวน 9,247,042,200 บาท
นพ.บัญญัติ กล่าวต่อว่า สำหรับการพิจารณางบประมาณของกรมสรรพสามิต ที่ประชุมกมธ.ได้หารือเกี่ยวกับปัญหาราคาน้ำมันแพง เนื่องจากปัญหาสงครามรสเซีย-ยูเครน ปัญหาเศรษฐกิจ รวมทั้งค่าเงินบาทอ่อนตัว มีกมธ.บางคนสอบถามว่า หน่วยงานมีแนวทางในการจัดการกับผู้ลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนอย่างไร โดยเฉพาะในภาคใต้ เพราะส่งผลทำให้น้ำมันมีราคาสูงขึ้น ทั้งนี้ ประมาณการณ์การจัดเก็บภาษีและรายได้ทั้งหมดของกรมสรรพสามิตในปี 2566 มีจำนวน 567,000 ล้านบาท โดยภาษีน้ำมันเป็นภาษีที่หน่วยงานจัดเก็บภาษีได้มากที่สุด แต่เมื่อมีผู้ลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนทำให้รัฐสูญเสียรายได้อย่างมาก
นพ.บัญญัติ กล่าวด้วยว่า ผู้แทนจากกรมสรรพสามิต ชี้แจงว่า มีการบูรณาการร่วมกันของ 5 หน่วยงาน ได้แก่ กรมศุลกากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมธุรกิจพลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน และกรรพสามิต เพื่อปราบปรามผู้ค้าน้ำมันเถื่อน ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติงบประมาณ 138 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหานี้ แต่ให้ใช้ทั้ง 5 หน่วยงาน ทำให้กรรมสามิตได้รับงบประมาณเพียง 7,550,000 บาทเท่านั้น แม้ว่าหน่วยงานจะเป็นผู้ตั้งคำของบประมาณในส่วนนี้เองก็ตาม
นพ.บัญญัติ กล่าวด้วยว่า สำหรับวันนี้จะเป็นพิจารณางบประมาณของรัฐวิสาหกิจ 6 รัฐวิสาหกิจและ 1 กองทุน คือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จำนวน 84,508,204,300 บาท, ธนาคารออมสิน จำนวน 8,256,115,300 บาท, ธนาคารอาคารสงเคราะห์ จำนวน 718,693,000 บาท, ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย จำนวน 277,933,000 บาท, ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย จำนวน 90,321,000 บาท, บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม จำนวน 7,111,108,200 บาท และกองทุนการออมแห่งชาติ จำนวน 334,254,800 บาท
นพ.บัญญัติ กล่าวด้วยว่า มีประชาชนบอกมาว่า โครงการคนละครึ่งทำให้ร้านขายดีแต่พอยอดขายได้วันละ 5,000บาท 1 ปี ได้ 1,800,000 บาท ซึ่งกรมสรรพากรกลับให้ไปจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มทันที แต่เมื่อโครงการสิ้นสุด ก็ทำให้ยอดขายตก แต่เมื่อจดทะเบียนแล้ว และไม่มีรายได้เข้ามา ก็ยังคงเก็บภาษี ไหนบอกว่าโครงการคนละครึ่งไม่เกี่ยวกับการรีดภาษีประชาชน ดังนั้นกรมสรรพากรต้องทำความเข้าใจประชาชน หรือผู้ที่จะสมัครเข้าโครงการคนละครึ่งว่า ให้ระวังไว้ ถ้ารายได้เข้าระบบเกิน ต้องเข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ถ้าไม่สมัครใจ ก็อย่าเข้าร่วมโครงการ กรมสรรพากรต้องบอกความจริง อย่าให้เขาเป็นเหยื่อของระบบตาข่ายภาษี เพราะคือภาระของประชาชน และกรมสรรพากร อย่าคิดเอาแต่จัดเก็บรายได้เข้าประเทศ ต้องคิดถึงเศรษฐกิจภาคครัวเรือน
ด้าน นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ในการพิจารณางบประมาณ เมื่อวานนี้ตนได้ซักถามกรมศุลกากร สังกัดกระทรวงการคลัง เพราะมีเรื่องผิดปกติในเอกสารรายการงบประมาณ คือค่าบำรุงรักษากล้อง CCTV ระยะเวลา5ปี จำนวน 670 ล้านบาท ที่ติดตั้งตามด่านศุลกากรทั่วประเทศ และค่าบำรุงเครื่องเอกซเรย์เพื่อคุมสินค้าเลี่ยงภาษีกว่า 2,000 เครื่อง โดยในเอกสารมีการตั้งงบฯล่วงหน้าตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่เท่ากันในแต่ละปีกว่าร้อยล้านบาท ตนถามว่ารู้ได้ไงว่าในอนาคตกล้อง CCTV และเครื่องเอกซ์เรย์ฯ จะต้องเสียหายในจำนวนเงินที่เท่ากัน มันมีที่ไหน คาดว่าจะมีบริษัทเจ้าพ่อยักษ์ใหญ่มีอิทธิพลในกรมศุลกากร ดำเนินการในเรื่องนี้ทั้งสิ้น ซึ่งทางอธิบดีกรมศุลกากร ได้ยืนยันว่าจะนำเอกสารที่เกี่ยวข้องมาให้
นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่กรณีน้ำมันเถื่อนที่มีการระบาดทางภาคใต้ติดชายแดนมาเลเซีย มีการค้าน้ำมันเถื่อนกันอย่างโจ๋งครึ่มบริเวณอ่าวไทย ทางกมธ. จึงได้ขอดูสถิติการปราบปรามของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่ามีความคืบหน้าอย่างไร และต้องส่งมาให้ภายในกำหนดการพิจารณางบฯ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานในสังกัด ที่จะพิจารณาจบในวันนี้เวลา 16.00 น.
“และในวันจันทร์ที่ 13 มิถุนายนนี้ เวลา 13.00 น. จะเป็นการพิจารณางบประมาณของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผมจะซักถามเรื่องการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการระดับ 9 ของกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรฯ ที่มี เฮีย ซ. มีชื่อคล้องกับเจ้าของร้านอาหารจีนชื่อดังย่านคลองสาน มีการวิ่งเต้นเรียกค่าตำแหน่งเป็นจำนวนถึง 8 หลัก ผมจะแฉให้หมดในวันดังกล่าว รอติดตามให้ดี” นายยุทธพงศ์ กล่าว