แนะนำแหล่งดำน้ำดูปะการังฝั่งท้องทะเลอ่าวไทย จัดมาครบทั้งดำแบบน้ำตื้นและน้ำลึก หน้าร้อนนี้ ต้องโดน !
ขอต้อนรับเข้าสู่หน้าร้อนอย่างเป็นทางการ อากาศที่ฮอตปรอทแตกขนาดนี้ หลายคนจึงพุ่งเป้าหมายสถานที่ท่องเที่ยวไปเป็นทะเลแสนสวย และหนึ่งในกิจกรรมที่ฮอตฮิตมากในช่วงนี้ ก็คือ การดำน้ำแหวกว่ายลงไปในท้องทะเลสีฟ้าใส เคียงคู่ไปกับฝูงปลาทะเลหลากสี ดูแนวปะการัง สิ่งมีชีวิตที่สวยงามและน่าอนุรักษ์ให้คงอยู่สืบไป ซึ่งเมื่อพูดถึงทะเลในประเทศไทย ฝั่งอ่าวไทย ไล่ไปตั้งแต่ภาคตะวันออกอย่าง ชลบุรี ระยอง ตราด ลงใต้ไปประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช เลยไปจนถึงจังหวัดใต้สุดของฝั่งนี้อย่างปัตตานี ก็ล้วนแล้วแต่มีท้องทะเลที่สวยงาม อุดมสมบูรณ์ และเป็นสวรรค์สำหรับนักดำน้ำทั้งแบบดำน้ำตื้นและน้ำลึกเลย ซึ่งจะมีที่ไหนบ้างนั้น เรามีจุดดำน้ำดูปะการังสวย ๆ ในฝั่งอ่าวไทย มาฝากกัน
สำหรับคนที่อยากลงดำน้ำ ดูความสวยงามของโลกใต้ทะเล มาทำความเข้าใจกันก่อนว่าการดำน้ำนั้นมีมากมายหลายประเภท ทั้งดำอยู่บนผิวน้ำ ดำดิ่งลงไปในอากาศ 1 ลมหายใจ และดำกับถังอากาศ ซึ่งแต่ละประเภทก็ต้องใช้ทักษะที่แตกต่างกัน โดยเราจะขอสรุปหลักการดำน้ำที่เป็นที่นิยมมาสั้น ๆ ดังนี้
1. การดำแบบสน็อกเกิลลิง (Snorkeling)
เป็นการดำน้ำที่ง่ายที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ ไม่จำเป็นต้องมีทักษะการว่ายน้ำเป็น ใช้อุปกรณ์แค่เสื้อชูชีพ หน้ากากพร้อมท่อหายใจ ก็สามารถลงดำในระดับน้ำตื้นที่มีความลึกตั้งแต่ 1-9 เมตรได้แล้ว
2. การดำน้ำแบบฟรีไดฟ์วิ่ง (Freediving)
เป็นการดำน้ำที่ใช้ทักษะการหายใจแค่ 1 ลมหายใจ แล้วดำลงไปใต้น้ำ ในอดีตเป็นทักษะการหาอาหารของชาวเลในประเทศต่าง ๆ แต่ปัจจุบันได้เริ่มมีการเรียนและสอนอย่างแพร่หลาย รวมถึงจัดเข้าอยู่ในหมวดหมู่ของกีฬาประเภทหนึ่งด้วย ซึ่งคนที่จะดำในลักษณะนี้ต้องว่ายน้ำเป็น และมีอุปกรณ์ที่สำคัญคือ หน้ากากดำน้ำที่มีท่อหายใจ และตีนกบเพื่อช่วยผ่อนแรงในการเคลื่อนไหวในน้ำ โดยการดำประเภทนี้จะสามารถดำลึกลงไปที่ความลึกประมาณ 5-10 เมตร ทำให้ได้สัมผัสใกล้ชิดกับปะการังมากกว่าการดำแบบสน็อกเกิล
3. การดำน้ำแบบสคูบา (Scuba)
เป็นการดำน้ำลึกในระดับ 10-30 เมตร ต้องเข้าเรียนทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติอย่างเชี่ยวชาญ จนได้ประกาศนียบัตร รวมถึงจำเป็นต้องมีอุปกรณ์สำคัญอย่าง หน้ากากดำน้ำ ตีนกบ ถังอากาศ ชุดเว็ทสูท ทุ่นถ่วงน้ำหนัก และ Regulator (อุปกรณ์ที่ใช้ต่อกับถังอากาศ)
ช่วงเดือนที่เหมาะสมแก่การท่องเที่ยวดำน้ำคือ เดือนมกราคม-เดือนพฤษภาคม และเดือนกันยายน-เดือนธันวาคม (สำหรับฝั่งอ่าวไทยตอนบน เช่น ชลบุรี ระยอง และตราด)
1. เกาะรอบ ๆ พัทยา จังหวัดชลบุรี
เริ่มต้นกันที่แหล่งดำน้ำใกล้กรุงเทพฯ กับเกาะรอบ ๆ เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ไม่ว่าจะเป็นเกาะแสมสาร เกาะล้าน เกาะสาก เกาะขาม และเกาะไผ่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการดำน้ำตื้น ดูฝูงปลา ปะการังหลากสี โดยเฉพาะเกาะแสมสาร ที่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญสำหรับคนที่อยากดำน้ำตื้นดูเหล่าสัตว์ทะเลที่น่ารักอย่างปลาการ์ตูน หรือน้องนีโม กับดอกไม้ทะเลสีสวย และนอกจากการดำน้ำแหวกว่ายในท้องทะเลแล้ว บนเกาะต่าง ๆ ก็ยังมีกิจกรรมให้ทำมากมาย เช่น นอนเล่นอาบแดดริมชายหาด พายเรือคายัก หรือจะเดินเล่นถ่ายรูปบนหาดก็ได้ ทั้งนี้ เกาะแสมสาร เกาะขาม และเกาะไผ่ ไม่อนุญาตให้ค้างคืนที่เกาะ ถ้าใครอยากมาดำน้ำแล้วค้างคืนบนเกาะ ต้องลองดูที่พักบนเกาะล้านหรือแถว ๆ พัทยาแทนแล้วล่ะ
ภาพจาก I_Give_Sarapa0 / Shutterstock.com
2. หมู่เกาะมัน (มันใน มันนอก มันกลาง) จังหวัดระยอง
ยังคงอยู่ในภาคตะวันออก ใกล้ ๆ กรุงเทพฯ แบบขับรถ 2 ชั่วโมงนิด ๆ ก็ได้แหวกว่ายดำน้ำดูปะการังกันแล้ว กับหมู่เกาะมัน ประกอบไปด้วย 3 เกาะเล็ก ๆ ได้แก่ เกาะมันใน เกาะมันกลาง และเกาะมันนอก ซึ่งเกาะมันกลาง นับเป็นจุดดำน้ำตื้นที่ดีอีกแห่งในจังหวัดระยอง เพราะรายล้อมไปด้วยแนวปะการังสวย ๆ มากมาย น้ำทะเลสวยใส และคลื่นลมไม่แรงเท่าไรนัก นอกจากนี้บนเกาะมีชายหาดทรายสวย เนื้อทรายเนียนละเอียด สลับกับโขดหินน้อยใหญ่ และในบางช่วงจะมีทะเลแหวกน้อย ๆ ให้ได้เดินเที่ยวชมด้วย
สำหรับหมู่เกาะมัน จะมีเพียงแค่ 2 เกาะเท่านั้นที่มีที่พักและให้ค้างคืนได้คือ เกาะมันกลาง และเกาะมันนอก เนื่องจากเกาะมันในเป็นที่ตั้งของศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมเท่านั้น ไม่อนุญาตให้พักค้างคืนหรือเล่นน้ำบริเวณชายหาดรอบ ๆ เกาะ ทั้งนี้ หมู่เกาะมันสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ว่างช่วงไหนก็มาเที่ยวกันได้เลย
3. หมู่เกาะรัง จังหวัดตราด
ชมความงดงามของธรรมชาติบนหมู่เกาะรัง สัมผัสน้ำทะเลใส หาดทรายขาว ชมแนวปะการังและโขดหินใต้น้ำ ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเกาะช้าง จังหวัดตราด นับเป็นสวรรค์สำหรับนักดำน้ำในภาคตะวันออก เพราะมีครบทั้งจุดดำน้ำตื้น เช่น เกาะช้าง เกาะรังใหญ่ เกาะรังเล็ก เกาะกระ เกาะยักษ์ เกาะเทียน เกาะทองหลาง ไปจนถึงบริเวณรอบ ๆ เกาะหวาย และจุดดำน้ำลึก เช่น จุดหินลูกบาศก์ (อยู่ทางทิศตะวันตกของอ่าวบางเบ้า มีความลึกประมาณ 15-20 เมตร) สามารถดำน้ำได้โดยรอบ มีความต่างระดับของชั้นหินปะการัง และมีฝูงปลาและสัตว์ทะเลน้อยใหญ่แหวกว่ายวนไปมา จุดหินสามเส้า (อยู่ที่ชายฝั่งตะวันตกของเกาะช้าง มีความลึกประมาณ 15-20 เมตร) เป็นจุดที่มีปะการังจำนวนมากทั้งชนิดอ่อนและแข็ง รวมถึงฝูงปลาชนิดต่าง ๆ และจุดหินพรายน้ำ (ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของท่าเรือบางเบ้า มีความลึกประมาณ 30 เมตร) เป็นกองหินใต้น้ำและแนวปะการังที่สวยงาม รวมถึงดอกไม้ทะเลสีสันสวยงาม และปลาทะเลอย่างปลากระเบน ปลาแมงป่อง ปลานกแก้ว และอื่น ๆ อีกมากมาย
4. เกาะจาน เกาะท้ายทรีย์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ขยับมาทางฝั่งตะวันตกค่อนไปทางภาคใต้กันบ้างกับ เกาะจาน-เกาะท้ายทรีย์ ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดวนกร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จุดดำน้ำตื้นที่งดงามอีกแห่งหนึ่ง อยู่ไม่ไกลกรุงเทพฯ นับว่าเป็นจุดดำน้ำน้องใหม่ เพราะเปิดใหม่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง โดยนักท่องเที่ยวสามารถชมความสวยงามของใต้ทะเลสีฟ้าคราม ที่เต็มไปด้วยปะการังมากมาย เช่น ปะการังเขากวาง ปะการังเห็ด ปะการังสมอง ปะการังพุ่มดอกไม้ ปะการังโต๊ะ ปะการังถ้วยสีส้ม ปะการังผักกาดใบใหญ่ ปะการังดอกกระหล่ำ ปะการังโขด ทุ่งดอกไม้ทะเล หอยมือเสือ และปลาน้อยใหญ่ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ตามแนวปะการัง ทั้งปลานกแก้ว ปลาการ์ตูนอินเดียแดง ปลากระเบนจุดฟ้า ปลาผีเสื้อปากยาว เป็นต้น
5. หมู่เกาะชุมพร จังหวัดชุมพร
สำหรับคนรักการดำน้ำ คงต้องหาโอกาสมาอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพรสักครั้ง เพราะเป็นหมู่เกาะที่มีทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลาย เช่น ป่าชายเลน ป่าไม้ สัตว์ป่า สัตว์ทะเล แนวปะการัง และยังคงความอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งมีเกาะแก่งมากถึง 40 เกาะ ซึ่งเป็นทั้งแหล่งดำน้ำตื้นและน้ำลึก เหมาะสำหรับคนที่ต้องการมาดำน้ำดูความสวยงามของแนวปะการัง ฝูงปลาหลากชนิด และสัตว์ทะเลต่าง ๆ เช่น หอยเบี้ยเสือดาว โลมา ฉลามวาฬ กระเบนราหู เป็นต้น
โดยเกาะที่เป็นที่นิยมสำหรับนักดำน้ำมากที่สุดคือ เกาะง่ามใหญ่ และเกาะง่ามน้อย เพราะสามารถดำน้ำได้ทั้งแบบน้ำตื้นและแบบน้ำลึก ชมความอุดมสมบูรณ์ของแนวปะการังขนาดใหญ่ เพลิดเพลินกับดอกไม้ทะเลหลากสี และฝูงปลาน้อยใหญ่อีกมากมาย นอกจากนี้ก็ยังมีจุดดำน้ำอื่น ๆ ในหมู่เกาะ เช่น เกาะหลักง่าม เกาะทะลุ เกาะมาตรา เกาะกะโหลก เกาะละวะ และเกาะลังกาจิว
6. เกาะร้านเป็ดร้านไก่ จังหวัดชุมพร
อีกหนึ่งจุดดำน้ำตื้นยอดฮิตของจังหวัดชุมพร ที่นักดำน้ำรู้จักกันดีและนิยมไปดำดูความสวยงามใต้ท้องทะเลกันคือ เกาะร้านเป็ดร้านไก่ อำเภอปะทิว เป็น 2 เกาะเล็ก ๆ ที่ยังคงมีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเล เช่น ทุ่งดอกไม้ทะเลสีสวย ปะการังดำ ปะการังสีเหลืองอ่อน ปะการังสีขาว ปะการังสีทอง ปะการังครก ปะการังถ้วยส้ม อีกทั้งยังมีปลาหลากชนิดทั้งฝูงเล็กฝูงใหญ่ เช่น ปลากล้วยแถบเหลือง ปลาข้างเหลือง ปลานกแก้ว ปลานกขุนทอง ปลาการ์ตูน และไฮไลต์สำคัญของที่นี่คือ ฉลามวาฬและกระเบนราหู แต่ก็ไม่ได้มาอวดโฉมให้ดูง่าย ๆ นะ ใครไปแล้วเจอยักษ์ใหญ่ใจดีที่เกาะนี้ ถือว่าดวงดีมีโชคสุด ๆ ไปเลย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Maymei Maythinee
7. หมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี
เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งที่สองของประเทศไทย ที่ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ อยู่ห่างจากเกาะสมุยไปทางทิศตะวันตกประมาณ 20 กิโลเมตร ประกอบด้วยเกาะต่าง ๆ ถึง 42 เกาะ ส่วนมากเป็นเกาะหินปูน เกาะที่สำคัญได้แก่ เกาะวัวตาหลับ เกาะพะลวย เกาะวัวจิ๋ว เกาะแม่เกาะ เกาะสามเส้า เกาะไผ่ลวก เกาะคา เกาะหินดับ เกาะวัวกันตัง โดยตามเกาะต่าง ๆ จะมีหาดทรายอยู่เกือบทุกเกาะ บางเกาะมีหาดทรายสีขาวสะอาดบริสุทธิ์ บางเกาะมีปะการังตามชายทะเลหลายชนิด สีสันสวยงาม นักท่องเที่ยวจะสนุกสนานไปกับการพายเรือคายัก ลัดเลาะไปตามเกาะแก่งต่าง ๆ รวมถึงกิจกรรมการดำน้ำตื้นชื่นชมกับแนวปะการังที่ยังคงความสมบูรณ์ ได้แก่ ปะการังโต๊ะ ปะการังเขากวาง ปะการังถ้วยสมอง ปะการังดาวใหญ่ ปะการังโขด และปะการังสมองร่องยาว รวมถึงดอกไม้ทะเล ฟองน้ำครก แส้ทะเล และฝูงปลาและสัตว์ทะเลที่มีอยู่อย่างชุกชุม เช่น ปลากระเบน ปลากะพง ปลาสลิดหิน ปลาเก๋า ปลาทู หมึก กุ้ง หอย และปูม้า เป็นต้น
8. เกาะเต่า เกาะนางยวน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
เกาะเล็ก ๆ ตั้งอยู่ฝั่งทะเลอ่าวไทยในเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานี อยู่ห่างจากเกาะพะงันไปประมาณ 45 กิโลเมตร เป็นอีกหนึ่งเกาะที่เป็นจุดดำน้ำที่สวยติดอันดับในประเทศไทย มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ พื้นที่ทั้งหมดของเกาะเต่านั้นเป็นภูเขาที่มีอ่าวมากมายถึง 11 อ่าว และแหลม 10 แหลม จะพักผ่อนเล่นน้ำริมชายหาดก็เพลิดเพลิน หรือจะมาแหวกว่ายชมโลกใต้ท้องทะเลก็ไม่ผิดหวัง เพราะเกาะเต่าแห่งนี้จัดว่าเป็นแหล่งปะการังที่สวยที่สุดและติดอันดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งมีจุดดำน้ำทั้งแบบน้ำตื้นและน้ำลึกเลย
สำหรับจุดดำน้ำของเกาะเต่าที่โดดเด่นเป็นไฮไลต์ ได้แก่
-
กองหินวง : เป็นจุดดำน้ำทั้งแบบตื้นและแบบลึก มีความลึกประมาณ 5-26 เมตร สามารถพบฟองน้ำสีฟ้า กัลปังหาที่มีสีสันสวยงาม และแส้ทะเล รวมถึงมีโอกาสได้เจอเจ้าบ้านอย่างเต่ากระที่มักอาศัยอยู่ใต้หินที่มีลักษณะคล้ายหิ้ง พร้อมกับปลาปักเป้า เม่น และปลาสินสมุทร
-
กงทรายแดง : เป็นจุดดำน้ำทั้งแบบตื้นและแบบลึก มีความลึกประมาณ 5-28 เมตร มีแนวปะการังแบบอ่อนนุ่มหลากหลายสีสัน สามารถพบปลาเก๋า เต่า และฝูงปลาผีเสื้ออาศัยอยู่ในบริเวณน้ำตื้น และทากเปลือยที่อนุบาลอยู่ตามชายฝั่งตะวันออก
-
หินขาว : เป็นจุดดำน้ำทั้งแบบตื้นและแบบลึก มีความลึกประมาณ 5-28 เมตร สามารถดำได้ทั้งเวลาปกติและไนท์ไดฟ์ สามารถพบปลากะรัง ปลาเก๋า เม่นทะเล และดอกไม้ทะเลหลากหลายสายพันธุ์ รวมทั้งปะการังอ่อนและหนอนพู่ฉัตรหลากสี
-
กองตุ้งกู : เป็นจุดดำน้ำทั้งแบบตื้นและแบบลึก มีความลึกประมาณ 5-28 เมตร สามารถพบสวนดอกไม้ทะเล กัลปังหา ปะการังแส้ และปลาทะเลฝูงใหญ่ เช่น ฝูงปลากะพง ปลามง และปลาสาก
-
หินใบ : เป็นจุดดำน้ำทั้งแบบตื้นและแบบลึก มีความลึกประมาณ 5-40 เมตร จุดนี้ถ้าโชคเข้าข้างอาจได้เจอกับปลาทะเลขนาดใหญ่อย่างฉลามวาฬ หรือฉลามวัวได้
-
กองชุมพร : จุดดำน้ำลึก มีความลึกประมาณ 20-40 เมตร มีทัศนียภาพใต้น้ำอันงดงาม การก่อตัวของหินอันน่าทึ่ง และปลาทะเลขนาดใหญ่ เป็นอีกจุดหนึ่งที่อาจจะเห็นฉลามวาฬได้
ขยับออกมาทางเหนือของเกาะเต่า จะเป็น เกาะนางยวน เกาะเล็ก ๆ ที่เงียบสงบ เหมาะสำหรับเป็นที่พักผ่อนร่างกายและจิตใจ ให้ธรรมชาติเยียวยาอาการเมื่อยล้า ประกอบด้วยเกาะเล็ก ๆ 3 เกาะ เชื่อมต่อกันด้วยสันทรายสีขาวเนียนละเอียด ก็เป็นอีกหนึ่งจุดดำน้ำที่นักดำน้ำนิยมไปกัน เช่น เจแปนนีสการ์เด้นส์ (ความลึกประมาณ 5-15 เมตร สามารถดำได้ทั้งแบบน้ำตื้นและน้ำลึก สามารถพบแนวปะการังที่สวยงามและเป็นแหล่งอาศัยของปลาวัยแรกรุ่นหลายพันธุ์ เช่น ปลาสินสมุทรวงฟ้า ปลาเขียวพระอินทร์ ปลาสลิดหิน ปลาตะกรับ รวมทั้งปลาปักเป้าหนามทุเรียน และงูสมิงทะเล) กองหินนางยวน (ความลึกประมาณ 5-20 เมตร สามารถดำได้ทั้งแบบน้ำตื้นและน้ำลึก เป็นแหล่งอาศัยของปลากระเบน เต่า และปลาแมงป่อง) และหินเขียว (ความลึกประมาณ 5-30 เมตร สามารถดำได้ทั้งแบบน้ำตื้นและน้ำลึก มีถ้ำ ซุ้มประตูที่เกิดจากหินพิงกัน และรอยแยกขนาดใหญ่ต่าง ๆ ซึ่งตัดผ่านโขดหินใต้น้ำ เป็นบ้านของปลาวัวไททันและปลาวัวขอบเหลือง)
9. หมู่เกาะกระ จังหวัดนครศรีธรรมราช
หมู่เกาะเดียวในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ประกอบด้วย 3 เกาะ คือ เกาะกระใหญ่ เกาะกระกลาง เกาะกระเล็ก และเกาะขนาดเล็กอีก 1 เกาะ ที่ชาวบ้านเรียกว่า กองหิน เป็นที่เที่ยวกลางทะเลที่ยังอุดมสมบูรณ์มากที่สุดในทะเลอ่าวไทย ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยังบริสุทธิ์ มีระบบนิเวศที่สมบูรณ์ มีหาดทรายยาวทอดตัวอย่างสวยงาม มีแนวปะการังครอบคลุมพื้นที่กว่า 400 ไร่ และยังคงสภาพสมบูรณ์ที่สุดของอ่าวไทย จึงกลายเป็นพื้นที่สวรรค์สำหรับนักดำน้ำ เพราะมีจุดดำน้ำมากถึง 9 จุด สามารถดำได้ทั้งแบบน้ำตื้นและลึก บางจุดสามารถดำผิวน้ำได้ตั้งแต่ 2-5 เมตร และบางจุดก็ลึกสุดมากกว่า 25 เมตร โดยสามารถพบปะการังหลากชนิด เช่น ปะการังแปรงล้างขวด ปะการังเขากวาง ปะการังกิ่ง ปะการังพุ่ม ปะการังอ่อน กัลปังหา ปะการังดำ รวมถึงฝูงปลาทะเลขนาดใหญ่ อีกทั้งยังเป็นแหล่งวางไข่ของเต่าทะเลอีกหลายชนิด เช่น เต่าตนุ เต่ามะเฟือง เต่ากระ เต่าหญ้า และเต่าหัวค้อนด้วย
10. เกาะโลซิน จังหวัดปัตตานี
ลงใต้ไปให้สุด แล้วไปหยุดที่เกาะโลซิน จังหวัดปัตตานี กับโลกใต้ท้องทะเลแสนสวยในฝั่งอ่าวไทย มีลักษณะเป็นภูเขาหินปูนใต้น้ำ มีส่วนที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาเป็นกองหินเพียงเล็กน้อย จึงถูกเรียกว่า กองหินโลซิน ไม่มีหาดทรายหรือต้นไม้ใด ๆ มีเพียงประภาคารโดดเด่นตั้งเป็นจุดสังเกตเท่านั้น แต่จุดนี้ยังเป็นแหล่งดำน้ำที่ยังคงความงดงามของธรรมชาติใต้ท้องทะเลไว้อย่างสมบูรณ์ สามารถดำน้ำได้ทั้งแบบน้ำตื้นและน้ำลึก โดยมีทั้งแนวปะการังที่สวยงาม และสัตว์ทะเลที่สวยงามแปลกตานานาชนิด นอกจากนี้เกาะโลซินแห่งนี้ยังเป็นแหล่งอาศัยและแหล่งหากินของสัตว์ทะเลคุ้มครองและสัตว์ทะเลหายากจำนวน 5 ชนิด ได้แก่ ปลาฉลามวาฬ ปลาโรนัน ปลากระเบนราหู ปลากระเบนนก เต่ากระ และเต่าตนุด้วย