‘นกแอร์’ วอนศบค.-กพท. คลายล็อกเปิดทำการบินดอนเมือง พร้อมขยายที่นั่งจาก 50% เป็น 70% เพื่อลดค่าตั๋ว-เพิ่มความคล่องตัวให้ผู้โดยสาร
นายวุฒิภูมิ จุฬางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในการดำเนินงานของ สายการบินนกแอร์ในช่วงนี้ ที่มีการย้ายการให้บริการไปที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา จ.ระยอง เนื่องจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ในออกแนวทางปฏิบัติให้ทุกสายการบิน ทั้งเส้นทางบินในประเทศและต่างประเทศ หยุดให้บินรับส่งผู้โดยสารในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม จนถึงปัจจุบัน นั้น ส่งผลให้สายการบินนกแอร์ไม่สามารถทำการบินเข้าออก ในสนามบินดอนเมืองได้ เบื้องต้นคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะบังคับใช้ถึงวันที่ 31 สิงหาคมนี้
นายวุฒิภูมิ กล่าวอีกว่า แต่ในเวลาต่อมา จ.ระยองก็จัดอยู่ในพื้นที่สีแดงเข้มด้วย ถึงแม้ว่าการจำกัดการเดินทางต่างๆ จะส่งผลดีต่อการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ในช่วงนี้ก็ยังมีผู้โดยสารที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการเดินทาง อาทิ ด้านการแพทย์ การขนส่งอวัยวะต่างๆ เพื่อช่วยต่อชีวิต และการขนส่งผลไม้ที่ต้องมีการขนส่งอย่างเร่งด่วนเพื่อลดความเสียหายของสินค้า เป็นต้น จึงเป็นเหตุผลที่สายการบินนกแอร์ย้ายฐานการบินมาอยู่ที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ในช่วงก่อนหน้านี้ เพื่อเชื่อมโยงเครือข่าย 4 ภาคของไทย แทนสนามบินดอนเมือง นอกจากนี้ ยังไม่การประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอีกด้วย
“ส่วนประเด็นที่ราคาบัตรโดยสายมีราคาสูงขึ้นกว่า 1-2 เท่านั้น นกแอร์ยอมรับว่าจากการที่ในบางครั้งเราต้องบินเครื่องเปล่าเพื่อไปรับผู้โดยสาร และมาตรการเว้นระยะห่างโดยให้สายการบินให้บริการได้เพียง 50% ของที่นั่งทั้งหมด ส่งผลให้สายการบินมีต้นทุนที่สูงขึ้น”
“จากปัญหาดังกล่าว นกแอร์ได้ทำเรื่องถึง ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. และกพท. เพื่อให้พิจารณาผ่อนผันอัตราการบรรทุกผู้โดยสารจาก 50% เป็น 70% ของจำนวนที่นั่งทั้งหมด และขอให้พิจารณาเรื่องการเปิดให้บริการที่สนามบินดอนเมือง ให้สามารถทำการบินไปยังจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม อาทิ สนามบินหาดใหญ่ จ.สงขลา ได้ในเร็ววันนี้ เพื่อช่วยลดปัญหาค่าบัตรโดยสาย และเพิ่มความคล่องตัวของผู้โดยสารในการเดินทางให้มากขึ้นต่อไป และที่ต้องการให้มีการคลายล็อกให้กับสายการบิน เนื่องจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ยังไม่พบการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ในเครื่องบินเลย” นายวุฒิภูมิ กล่าว
นายวุฒิภูมิ กล่าวว่า นอกจากนี้ ทางสายการบินนกแอร์มีแผนที่จะเปิดให้บริการสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรองโดยเฉพาะสนามบินเบตง รวมถึงสนามบินที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ด้วยเครื่องบินที่มีขนาดที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงอย่าง รุ่น Q400 ที่มีความเร็วสูง เมื่อเทียบกับเครื่องบินรุ่นใกล้เคียงกัน มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงกว่าทั่วไป และยังประกอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ เรื่องความเงียบของห้องผู้โดยสาร เป็นต้น
นอกจากนี้ นกแอร์จะปรับเปลี่ยนจากสายการบินโลว์คอสต์ เป็นสายการบินพรีเมี่ยมแอร์ไลน์ ซึ่งจะใช้จุดแข็งที่มีอยู่แล้ว อาทิ อุปกรณ์ภายในเครื่องโดยสารที่มีความสะดวกสบายมากขึ้น และที่นั่งและที่วางขากว้ากว่าสายการบินอื่นๆ เพื่อเพิ่มตัวเลือกในการเดินทางให้กับผู้โดยสาร และสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้โดยสารที่เปลี่ยนไป ทั้งนี้ ยังมีบริการต่อรถ เรือ เพื่อเชื่อมไปจังหวัด หรืออำเภอต่างๆ ที่ภาครัฐต้องการให้สายการบินนกแอร์เข้าถึงสนับสนุนเมืองรองต่างๆ อีกด้วย อีกทั้งยังเชื่อมั่นว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จะได้รับความสนใจจากลูกค้าของนกแอร์แน่นอน
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่