“ศบค.”แถลงพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 14,150 ราย เสียชีวิต 118 ศพ “อนุทิน”ลั่นไม่ยุบ”จุดฉีดวัคซีนบางซื่อ” โชว์ยอดฉีดสะสมกว่า 1 ล้านคน พร้อมระบุเราทำดีอยู่แล้ว ขณะที่”พลังท้องถิ่นไท” ชี้โควิดระบาดหนักเพราะรัฐร่วมศูนย์ แนะให้ท้องถิ่นจัดการพร้อมหนุนงบ
เมื่อวันที่ 27 ก.ค.64 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 14,150 ราย ประกอบด้วย ผู้ติดเชื้อในประเทศจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 10,407 ราย จากการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 3,459 ราย และจากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 245 ราย ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 39 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 118 ราย สำหรับจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศตั้งแต่ต้นปี 63 จนถึงล่าสุดอยู่ที่ 526,828 ราย โดยมีผู้ป่วยรักษาหายแล้ว 350,643 ราย เพิ่มขึ้น 9,168 ราย รักษาตัวอยู่ 171,921 ราย ยอดเสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็น 4,264 ราย
สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดวันที่ 27 ก.ค. ได้แก่ กทม. 2,635 ราย สมุทรสาคร 1,092 ราย ชลบุรี 884 ราย สมุทรปราการ 719 ราย นนทบุรี 536 ราย ฉะเชิงเทรา 486 ราย ระยอง 314 ราย ปทุมธานี 301 ราย อุบลราชธานี 289 ราย สระแก้ว 279 ราย พบคลัสเตอร์ใหม่ 5 แห่ง แคมป์ก่อสร้าง อ.เกาะจันทร์จ.ชลบุรี พบผู้ติดเชื้อ 17 ราย บริษัทชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา 22 ราย แคมป์ก่อสร้าง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง 44 ราย แคมป์ก่อสร้าง อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ 107 ราย ตลาดศรีเมืองทอง อ.เมือง จ.ขอนแก่น15 ราย
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข เปิดเผยถึงกรณีมีกระแสข่าว และมีการนำเสนอข่าวว่าจะมีการยุบศูนย์ฉีดวัคซีนบางซื่อ ว่า ในเรื่องนี้ตนขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นไปตามข่าวที่มีการนำเสนออย่างแน่นอนว่ายุบจุดฉีดวัคซีนจุดนี้
“ไม่เป็นไปตามพาดหัวแน่นอน จะยุบได้อย่างไร และไม่ต้องกังวลที่ผ่านมาเราทำสิ่งที่ดีแล้ว ซึ่งหากจะดูจากยอดการฉีดวัคซีนของสถานีบางซื่อ สิ้นสุด ณ วันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา สามารถฉีดให้ประชาชนได้มากถึง 1 ล้านคนแล้ว”นายอนุทิน กล่าว
ทางด้าน นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท แถลงข่าวกรณีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องว่า เกิดจากการที่รัฐบาลรวมศูนย์อำนาจการบริหารจัดการไว้ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) จึงขอเสนอให้รัฐบาลใช้ 3 เสาหลักในหมู่บ้าน ตำบล เป็นฐานในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประกอบด้วย 1. อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำบล (รพสต.) 2. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และ 3. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อบูรณาการความร่วมมือในการดำเนินการตรวจหาผู้ติดเชื้อและคัดกรองบุคคลในครัวเรือนและชุมชนเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาด โดยดำเนินการทำการตรวจเชิงรุกทุกครัวเรือน เพื่อหาผู้ติดเชื้อ สำรวจผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนในหมู่บ้าน คัดกรองบุคคลในครัวเรือนทุกหมู่บ้านและเฝ้าระวังบุคคลที่กลับมายังภูมิลำเนา การคัดแยกบุคคล โดยการกักตัวที่บ้านและการใช้ รพสต. ศูนย์บริการสาธารณสุข อปท. และโรงเรียนเป็นโรงพยาบาลสนาม หรือจุดพักคอย ส่วนผู้ติดเชื้อที่มีอาการรุนแรงจะดำเนินการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลจังหวัดและเอกชนต่อไป และสำรวจครัวเรือน บุคคล และสถานประกอบการในหมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบและอยู่ในภาวะยากลำบากเพื่อเสนอให้จังหวัดและรัฐบาลช่วยเหลือเยียวยาได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย
นอกจากนี้ รัฐบาลต้องจัดสรรงบประมาณจำนวน 76,000 ล้านบาท ให้ 76 จังหวัด และให้ท้องถิ่น จำนวน 7,850 แห่ง ในการบริหารจัดการ งบประมาณทั้งสิ้น 157,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการบริหารจัดการของจังหวัดและท้องถิ่น ดังนี้(1) ช่วยเหลือ เยียวยา ผู้ที่ได้รับผลกระทบและอยู่ในภาวะยากลำบาก ในหมู่บ้านที่ถูกกักตัว (2) จัดหาเครื่องตรวจหาเชื้อโควิด-19 และเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ และ(3) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานบริหารจัดการโรงพยาบาลสนามและค่าดำเนินการอื่น ๆ